.jpg)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งใน Narrative ที่สำคัญในโลกคริปโตฯ ในรอบนี้ก็คือ Real-world Asset (RWA) หรือการนำสินทรัพย์ในโลกจริงมาแปลงให้อยู่ในรูปสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่แท้จริงของการทำ RWA ให้ประสบความสำเร็จในระดับสถาบันไม่ใช่แค่การสร้าง Token หรือการ Tokenize เท่านั้น แต่คือการสร้าง Infrastructure ที่ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปลอดภัยภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด
Canton Network ถูกออกแบบมาเพื่อแก้โจทย์นี้โดยตรง โดยไม่ได้เป็นแค่บล็อคเชนทั่วไป แต่เป็น “เครือข่ายของเครือข่าย” (Network of Networks) ที่เชื่อม Application ต่างๆ แบบ Seamless นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบมาเพื่อลบข้อจำกัดของการใช้บล็อคเชนแบบดั้งเดิม โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของ Privacy ให้สามารถทำธุรกรรมร่วมกันได้อย่างเป็นส่วนตัว จึงเรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับสถาบันอย่างแท้จริง
ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึก Canton Network ว่าโปรเจกต์นี้คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร พร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจ พัฒนาการล่าสุดและอนาคตของโปรเจกต์

Canton Network เปิดตัวในปี 2023 พัฒนาโดยบริษัท Digital Asset ผ่านความร่วมมือของกลุ่มสถาบัน (Consortium) กว่า 30 แห่ง ระดมทุนรวมกว่า 397.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจาก VC ชั้นนำระดับ Tier 1 อาทิ Polychain Capital, YZi Labs, และ Goldman Sachs
นอกจากนี้ Digital Asset ยังเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีและภาษา Smart Contract ที่ชื่อว่า “Daml” ภายใต้การกำกับดูแลจาก Canton Foundation ที่ดูแลทิศทางของโปรเจกต์ให้เป็นกลางและโปร่งใส พร้อมการมีส่วนร่วมจากสถาบันการเงินและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก เช่น BNP Paribas, HSBC, Goldman Sachs, Microsoft, Moody’s, HKMA และอื่น ๆ
นอกจากนี้ ความสำเร็จของ Canton Network ยังได้รับแรงขับเคลื่อนจากทีมที่มีประสบการณ์สูงในแวดวงการเงินและเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละคนมี Backgroud ที่แข็งแกร่งจากสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Goldman Sachs และ J.P. Morgan ทำให้มั่นใจได้ว่า Canton Network ถูกร่วมสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจความต้องการของโลกการเงินระดับสถาบันอย่างแท้จริง

ล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2025 บริษัท Digital Asset ได้ประกาศการระดมทุนรอบใหม่เพิ่มเติมอีก 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี DRW Venture Capital และ Tradeweb Markets เป็นผู้นำการระดมทุนในครั้งนี้ โดยมีการลงทุนจากสถาบันการเงินรายใหญ่และบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม TradFi และ DeFi อย่าง Citadel Securities, DTCC, Circle Ventures, Paxos และอีกมากมาย
การระดมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการนำสินทรัพย์ในโลกจริง (RWA) มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์เข้าสู่เครือข่าย Canton และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตรเดิมที่ร่วมกันทดสอบและพัฒนาเครือข่ายมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน Canton Network มีผู้เข้าร่วมในระบบนิเวศเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเกือบ 400 ราย
Canton Network โดดเด่นขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในฐานะหนึ่งในโปรเจกต์ที่ทำเกี่ยวกับ TradFi x Crypto จุดที่ทำให้แตกต่างคือการที่ถูกออกแบบให้เปิดกว้างและ Permissionless แบบ Public Blockchain ขณะเดียวกันก็รองรับความต้องการของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในเรื่องของ Privacy, Control และ Compliance กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นการผสมผสาน Transparency ของบล็อกเชนเข้ากับกลไกควบคุมความเสี่ยงที่สถาบันคาดหวัง
แทนที่จะเป็นแค่บล็อกเชนทั่วไป Canton ใช้แนวคิด “Network of Networks” โดยผู้เข้าร่วมแต่ละรายสามารถใช้ Private Domain ของตัวเอง ซึ่งสามารถควบคุม Application ของตัวเองได้แบบ 100% แต่จะสามารถเชื่อมต่อกับ Application อื่นๆ ได้เมื่อต้องการ
หัวใจคือสถาปัตยกรรมที่ให้ทั้ง Privacy, ความปลอดภัยระดับสถาบัน และการทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหล รวมถึง ธุรกรรมแบบ Atomic ข้ามเครือข่าย ทำให้ Canton เรียกได้ว่าเป็น Institutional-grade Financial Operating System อย่างแท้จริง โดย Canton Network เป็น Public Blockchain ตัวแรกของโลกที่เป็น Public Blockchain ในรูปแบบดังกล่าว
ในส่วนถัดไป เราจะอธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับ วิธีการทำงานของ Canton Network, ภาษา Daml และโมเดลข้อมูล, ตลอดจนสถาปัตยกรรมและ Infrastructure สำหรับการใช้งานระดับสถาบัน
ดังที่เกริ่นไปในช่วงต้น แทนที่จะทำงานเป็น Single Ledger แบบ Blockchain ทั่วไป (เช่น Ethereum, Solana) Canton Network ถูกออกแบบเป็น Network of Networks ซึ่งหมายถึงการเป็น Network ที่ประกอบด้วยกลุ่มผู้ใช้งานที่รัน Application ต่างๆที่เป็นอิสระต่อกัน โดย Application เหล่านี้เรียกว่า Subnet ซึ่ง Subnet จะสามารถเชื่อมต่อถึงกันผ่านโปรโตคอลของ Canton Network
โดยการที่มี Subnet แยกเป็นอิสระต่อกัน ทำให้แต่ละ Entity ยังคงมีอำนาจควบคุมฟังก์ชันหลักต่าง ๆ โดยทำให้คงความ Privacy ไว้ได้ นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากการอัปเดตข้อมูล Real time พร้อมลดปัญหาข้อมูลแยกเป็น Silo ให้ทำงานร่วมกันได้ลื่นขึ้น
แผนภาพด้านล่างแสดงสถาปัตยกรรมของ Canton แบบ Network of Networks ที่มี Application หรือ Subnet ต่างๆ เชื่อมโยงกัน ผ่านศูนย์กลางที่เรียกว่า Global Synchroizer

ส่วนภาพด้านล่างเป็นการแสดงแต่ละ Layer ของ Canton Network ซึ่งประกอบด้วย Application, Subnet และ Global Synchronizer

1) Application Users & Nodes (ชั้นบนสุด)
2) Sovereign Canton Blockchains = Subnets
3) Global Synchronizer Composability Services
4) Canton Network Interoperability Backbone — Global Synchronizer (ชั้นล่างสุด)
เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็น Public-permissioned Subnet ภายใต้การดำเนินงานของ Super Validators และการกำกับดูแลโดย Global Synchronizer Foundation (GSF) ทำหน้าที่เป็น Coordination Layer เพื่อ:
โดยการใช้ Global Synchronizer ของ Canton Network จะเป็น Optional คือแต่ละ Subnet ยังคงสามารถเชื่อมต่อและทำธุรกรรมกันโดยตรงได้ด้วยการตั้งค่า Private Synchronizer ของตัวเองก็ได้เช่นกัน
*Selective Visibility เกิดจากการใช้ โมเดล UTXO ที่ออกแบบเฉพาะตัวของ Canton Network ซึ่งกำหนดให้เฉพาะผู้มีส่วนร่วมในธุรกรรมนั้นเท่านั้นที่มองเห็นรายละเอียดได้ จึงรักษาความลับทางธุรกิจ/ข้อมูลอ่อนไหว ขณะยังคงความสามารถในการทำงานร่วมกันและตรวจสอบได้ตามที่จำเป็น
Daml คือภาษา Smart Contract ที่ออกแบบมาเพื่อ Canton Network โดยตรง จุดประสงค์คือทำให้การพัฒนา–ใช้งาน–ดูแล Application ที่มีหลายฝ่ายทำงานร่วมกันร่วมกัน (Multi-party) ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความ Privacy ของข้อมูล และความสอดคล้องของข้อมูลไว้ครบถ้วน
ความพิเศษของภาษา Daml คือการที่ช่วยให้ Developer สามารถโฟกัสไปที่ Business logic ได้โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาด้านความปลอดภัยที่มักเกิดขึ้นบนบล็อกเชนทั่วไป นอกจากนี้ ข้อมูลยังมี Privacy เป็นค่าตั้งต้น (by Default) และนโยบายการเข้าถึงสามารถกำหนดได้อย่างชัดเจนใน Code ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ Daml ยังช่วยให้สามารถ ผสานรวม (Compose) Workflow ที่แตกต่างกันให้กลายเป็น Workflow ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ แม้ว่า Workflow ต่างๆจะอยู่บน Application หรือ Subnet ที่แตกต่างกันก็ตาม ทำให้แต่ละสถาบันสามารถต่อยอดจากระบบที่มีอยู่ได้ และยังรองรับการเชื่อมต่อกับระบบภายนอกอื่นๆ ได้ ทำให้ Canton Network เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบไอทีเดิมของสถาบันการเงินได้อย่างราบรื่น
ทีมงานยอมรับว่า Daml ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะของ Canton นั้นมีความซับซ้อนกว่าภาษาทั่วไปอย่าง Solidity แต่เป็นความตั้งใจที่เลือกใช้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและป้องกันการถูกโจมตีเหมือนที่เห็นในเครือข่ายอื่นๆ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดนี้และขยายฐานนักพัฒนา Canton จึงมีแผนการสำคัญ ดังนี้
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Canton Network โดดเด่น คือ Selective Visibility หรือการรองรับ Privacy ในรูปแบบของ TradFi ที่จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็นให้กับภาคส่วนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่แสดงการทำงานของ Selective Visibility ในการทำธุรกรรม Delivery vs. Payment (DvP) หรือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์กับเงินสด
นอกจากนี้ Network Operator/Validator จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมที่ละเอียดอ่อนได้ แต่จะเห็นเพียงข้อมูล Metadata ที่จำเป็นสำหรับการจัดลำดับและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมเท่านั้น
นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้สถาบันการเงินชั้นนำของโลกเลือกใช้ Canton Network เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีการกำกับดูแลในวงกว้าง
Canton Network ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการ Tokenize อย่างเดียว แต่ว่าสามาาถทำได้หลากหลายธุรกรรมแบบครบวงจร ในรูปแบบเดียวกับ TradFi

ยกตัวอย่างกรณี การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจรบน Canton Network โดยสมมติว่าเรามี Subnet ที่ทำงานบน Canton Network อยู่ 3 ตัว ดังนี้:
สิ่งที่ต้องการคือ ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงการซื้อขาย และทำการชำระราคาได้ในธุรกรรมเดียวแบบอะตอมมิก (Atomic) นั่นคือ การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์และเงินสด (Delivery versus Payment หรือ DvP) รวมถึงการอัปเดตบันทึกการซื้อขาย จะต้องเกิดขึ้นพร้อมกันในทันทีโดยไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับโลกการเงิน TradFi
จากตัวอย่างนี้ ผู้ให้บริการ Application ทั้งสามราย รวมถึงผู้ซื้อและผู้ขาย (รวม 5 ฝ่าย) ต้องอัปเดตข้อมูลพร้อมกันในธุรกรรมเดียว ทำให้ Global Synchronizer เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงานให้ข้อมูลทั้งหมดได้รับการอัปเดตพร้อมกันอย่างปลอดภัย แม้ว่าแต่ละฝ่ายจะไม่ได้เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่ายเดียวกันก็ตาม

ตัวอย่าง Use Case หลักที่กำลังใช้งานจริงในปัจจุบัน:
นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์ทีมงานของ Canton Network ทำให้เห็นภาพการใช้งานที่กว้างขวางและจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนเพิ่มขึ้น
Canton Network ใช้กลไก Proof-of-Stakeholder (PoS) ซึ่งมีความพิเศษคือช่วยให้มั่นใจว่าโครงสร้าง Governance ขอ Network จะไม่ถูกควบคุมโดยกลุ่มผู้ที่มีเงินทุนมหาศาล
แตกต่างจากบล็อกเชนแบบ Proof-of-Stake (PoS) ทั่วไปที่ผู้ที่ถือเงินจำนวนมากเป็นผู้ควบคุม Consensus ของ Network เพราะ Canton Network ให้โอกาสผู้เข้าร่วมทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validators) จะทำหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเท่านั้น
ด้วยหลักการนี้ ทำให้สถาบันต่างๆ สามารถรักษาการควบคุมการดำเนินงานของตัวเองได้ และมั่นใจได้ว่าธุรกรรมต่างๆ จะไม่ถูกควบคุมโดยกลุ่ม Staker ที่ไม่รู้จัก
หลักการนี้ทำให้สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก ตั้งแต่ Goldman Sachs, DTCC, SocGen, และ Citadel ไปจนถึงหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง HKFMI, MAS และบริษัทคริปโตฯ อย่าง QCP กล้าที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย Canton
อีกสิ่งที่ทำให้ Canton Network แตกต่างจากโครงสร้างพื้นฐาน RWA อื่น ๆ คือการออกแบบที่คำนึงถึงข้อกำหนดด้านกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้แทบจะเป็นแพลตฟอร์ม RWA เพียงตัวเดียวที่สามารถทำงานร่วมกับกรอบกฎหมายของทั้ง SEC (สหรัฐฯ), EU และเอเชียได้ ด้วย ความปลอดภัยระดับสถาบัน และการออกแบบที่สนับสนุน Cross-border efficiency อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นไปอย่างราบรื่น
การที่ Canton สามารถดำเนินงานภายใต้เส้นทางกฎหมายที่ชัดเจนนี้ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่มาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการนำบล็อกเชนมาใช้ในโลก TradFi
Canton Network เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้จริงแล้วในโลกการเงินระดับสถาบัน โดยในแง่ของกิจกรรมการใช้งานและปริมาณค่าธรรมเนียมที่ถูกเผา (Fees burned) มีระดับใกล้เคียงกับกลุ่ม Top 5 Blockchain โดย Canton ยังเป็นบล็อกเชนแรกที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงสุดสัปดาห์ได้ โดยสามารถแลกเปลี่ยนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็น Stablecoin ได้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาด

นอกจากนี้ Canton Network ยังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในโลกจริง โดยมีสินทรัพย์ในรูปแบบ RWA ถูกนำมาทำธุรกรรมบนเครือข่ายแล้วกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการออกสินทรัพย์บนบล็อกเชนโดยตรง (Natively on-chain) ที่เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตั้งแต่พันธบัตร กองทุนรวมตลาดเงิน อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัย และปัจจุบันเครือข่ายยังประมวลผลธุรกรรม RWA ที่มีมูลค่ามากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และยังมีปริมาณธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasury repo) สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สะท้อนถึงการใช้งานจริงในปริมาณมหาศาล
ดังที่อธิบายไปในข้างต้นเกี่ยวกับจุดแข็งที่สำคัญของ Canton Network คือ Feature ชื่อว่า “Global Synchronizer” ที่ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมข้าม Network ได้อย่างอิสระ ในขณะที่ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเอาไว้ ทำให้ระบบนี้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบันและธนาคารอย่างมาก

ชื่อของสถาบันการเงินรายใหญ่ที่เข้าร่วมกับ Canton แล้วได้แก่:
สำหรับ Ecosystem นั้นจะแบ่งผู้มีส่วนร่วมได้ 3 กลุ่มเป็นหลักคือ
รายชื่อของ Apps และ Partners ทั้งหมดบน Canton สามารถดูได้ผ่านลิงก์นี้ โดยมีชื่อเด่นๆ ที่เราคุ้นเคยมากมาย อาทิ Circle, 21Shares, Galaxy และ J.P.Morgan เป็นต้น

จากการให้สัมภาษณ์ของทีมงาน นอกจากรายชื่อ Partnet ที่กล่าวไปข้างต้น แล้ว ยังมีรายชื่อ Waiting list ของผู้ที่จะเข้ามาเป็น Validators อีกกว่า 1,000 ราย ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่สถาบันขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้เล่นในวงการ DeFi และคริปโตฯ
กลยุทธ์หลักในการขยาย Ecosystem คือการนำสินทรัพย์ระดับสถาบัน เช่น หุ้นสหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาล (U.S. Treasuries) มาไว้บนบล็อกเชน ด้วยการนำ Real-world Assets เหล่านี้มาแปลงเป็น Token ซึ่งเป็นแผนการที่ Canton สร้างจุดตั้งต้นจำนวนมหาศาลให้กับ Developer เพื่อสร้าง Application ใหม่ๆ เช่น DEX หรือระบบจัดการโครงสร้างผู้ถือหุ้น (Cap table management) บน Canton Network
แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทคริปโตฯ ที่ต้องการสินทรัพย์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพื่อนำไปต่อยอดและสร้างนวัตกรรมต่อไปอีกด้วย
Canton Network มีเหรียญ Governance คือ Canton Coin โดยจุดเด่นอย่างหนึ่งของเหรียญนี้คือการที่ไม่ได้มีการ Pre-Mint ให้กับ Foundation, VCs หรือ Presale ต่างๆ แต่ทุกเหรียญที่มีนั้น ได้มาจากการมีส่วนร่วมกับระบบทั้งหมด โดยนี่เป็นแก่นของ Fair Launch Model ที่ เป็นกลางต่อสถาบันและนักลงทุนสถาบัน ซึ่ง Canton เชื่อว่าจะสร้างมูลค่าให้กับระบบได้อย่างยั่งยืน
หน้าที่ของ Canton Coin ได้แก่
โดยในช่วง 10 ปีแรกนั้นจะมี Canton Coin ถูก Mint ออกมาทั้งหมด 100,000,000,000 (1 แสนล้าน) เหรียญ และหลังจากนั้นระบบจะมีการจัดการตัวเองอย่างอัตโนมัติผ่านการ Mint & Burn ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะมีประมาณ 2.5 พันล้านเหรียญ Canton ที่ถูกสร้างขึ้นมาและทำลายไปในทุกๆ ปี
Mint: Canton Coin จะสร้างขึ้นและแจกให้กับผู้มีส่วนร่วมกับระบบโดยมีสัดส่วนคือ Infra Provider 35% Application Builder 50% และ Users 15%
โดยเมื่อ Network เติบโตเต็มที่ สัดส่วนของ Reward จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยรางวัลสำหรับ Infra Provider จะค่อยๆ ลดลง และจะเปลี่ยนไปเน้นที่ Application Builder มากขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์และการใช้งานใหม่ๆ บนเครือข่าย
Burn: ค่าธรรมเนียม Network ที่เก็บมาจะถูกนำไป Burn ทิ้งเพื่อช่วยรักษามูลค่าของเหรียญ Canton ทั้งนี้หากมีการใช้งาน Network มากก็จะมีเหรียญถูก Burn เยอะตามไปด้วย โดยจากข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฏาคม 2025 ด มีการ Burn เหรียญ Canton Coin ไปแล้วกว่า 517 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนที่สะท้อนให้เห็นถึงการใช้งานจริงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

Canton Coin ปัจจุบันมี Circulating Supply อยู่ที่ประมาณ 28,480 ล้านเหรียญ โดยในปัจจุบันมีการออกเหรียญใหม่ประมาณ 51.5 ล้านเหรียญต่อวัน คิดเป็นอัตราเงินเฟ้อรายวันประมาณ 0.16%
ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา Canton Network ได้ตอกย้ำสถานะในฐานะผู้เล่นแถวหน้าของวงการ TradFi x Crypto ด้วยการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความจริงอย่างต่อเนื่อง Roadmap ของ Canton ไม่ได้เป็นเพียงแผนงานที่วางไว้ล่วงหน้า แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นในทุกไตรมาส
Timeline ที่ผ่านมา:
สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ Canton Network ยังมี Roadmap ที่ชัดเจนเพื่อขยายขอบเขตการใช้งานให้กว้างขึ้นไปอีก
ในระยะสั้น (ไตรมาสที่ 4 ของปี 2025):
ส่วนในระยะยาว (ตั้งแต่ต้นปี 2026):
นอกจากนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของทีมงานยังมีเผยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ทาง Canton กำลังดำเนินการเพื่อนำ Canton Coin ไปลิสต์บน CEX ชื่อดัง พร้อมกันนี้ยังทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อเปิดเผยปริมาณธุรกิจจริงที่รันอยู่บนเครือข่าย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานคำว่า "Scaling” ในวงการ RWA นอกจากนี้ Canton ยังเพิ่งประกาศว่าพร้อมรองรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasuries) และหวังว่าจะนำสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ มาไว้บนเครือข่ายมากขึ้นในอนาคต
อย่างที่เราเห็นกันว่า Canton Network กำลังถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหมู่สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก คำถามคือ แล้วเครือข่ายนี้จะกลายเป็นโอกาสการเติบโตของนักลงทุนรายย่อย (Retail) ได้อย่างไร?
Canton Network ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินระดับโลกในอนาคต ถ้าเครือข่ายนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก (เช่น Goldman Sachs, HSBC) ก็จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการ และเมื่อถึงจุดนั้น ธุรกิจค้าปลีกในเอเชียและทั่วโลกที่ต้องทำธุรกรรมระหว่างประเทศหรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ ก็จะได้รับประโยชน์จากระบบนี้ด้วย
มูลค่าของ Canton Coin นั้นไม่ได้มาจากการเก็งกำไรในตลาด แต่มาจาก Real Demand ของสถาบันการเงินที่เข้ามาทำธุรกรรมบนเครือข่าย
แม้ในปัจจุบัน Canton Network จะถูกจำกัดการเข้าถึงไว้สำหรับสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ในอนาคตอาจมีการลิสต์เหรียญ Canton Coin บน Centralized Exchange และ Decentralized Exchange ต่างๆ ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูให้นักลงทุนรายย่อยได้เข้าถึงเครือข่ายที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันทางการเงินระดับโลก การเปิดตัวในลักษณะนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากเครือข่ายมีรากฐานที่มั่นคงและได้รับการยอมรับจากสถาบันชั้นนำแล้ว
นอกจากนี้ การเข้าร่วมใน Canton Ecosystem ทำให้ผู้ใช้รายย่อยสามารถฟาร์ม เหรียญ $CC ได้
วิสัยทัศน์ระยะยาวของ Canton คือการเปลี่ยนผ่านสู่การเงินแบบประชาธิปไตย (Democratize finance) ด้วยการนำเสนอสินทรัพย์คุณภาพสูงระดับสถาบันให้กับนักลงทุนรายย่อย ทำให้พวกเขาสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น หุ้น Apple ในรูปแบบ Token แทนที่จะถูกจำกัดอยู่แค่ในสินทรัพย์คริปโตฯ ที่มีความผันผวนสูง
นอกจากนี้ ความเป็นส่วนตัวยังเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยที่ข้อมูลละเอียดอ่อนจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
โปรเจกต์ RWA ส่วนใหญ่ในตลาด เช่น Centrifuge, Ondo Finance หรือ MANTRA Chain มักจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเน้นการเชื่อมต่อสินทรัพย์ในโลกจริงเข้ากับโลก DeFi (Decentralized Finance) โดยมีเป้าหมายหลักคือการเพิ่มสภาพคล่องและเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินทรัพย์เหล่านี้ได้
ในทางกลับกัน Canton Network วางตัวเองเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเงินระดับสถาบันโดยเฉพาะ ซึ่งมีหลักการและจุดเด่นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้งานและสถาบันต่างๆ จึงเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงบนเครือข่ายอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่ผู้ถือ Asset ที่ถูก Tokenize มา
การเป็นผู้นำในตลาดใหม่ย่อมมาพร้อมกับความท้าทาย ซึ่ง Canton Network ได้วางกลไกเพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ไว้ค่อนข้างรัดกุม แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรตระหนักเอาไว้ เช่น:
ความท้าทายในการ Scaling: การทำงานระหว่าง Subnet จำนวนมากเพื่อรักษาความถูกต้องของธุรกรรมเป็นโจทย์ที่ท้าทาย แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Canton สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่ซับซ้อนในระดับสถาบันได้
ทีมงานมองว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า Canton Network จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและโลกการเงิน DeFi สมบูรณ์แบบ บทบาทสำคัญคือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่สามารถนำเสนอสินทรัพย์คุณภาพสูงในโลกจริง (Real-world Assets) ให้กับนักลงทุนรายย่อยทั่วโลกได้
วิสัยทัศน์ระยะยาวคือการสร้าง Ecosystem เดียวที่ทั้งผู้ใช้งานระดับสถาบันและนักลงทุนรายย่อยสามารถอยู่ร่วมกันได้ และได้รับประโยชน์จากความปลอดภัย, ประสิทธิภาพ และความเป็นส่วนตัวที่ Canton มอบให้ได้อย่างเต็มที่
โดยสรุป Canton Network ได้วางตำแหน่งตัวเองเป็นระบบปฏิบัติการทางการเงินระดับสถาบัน (Institutional-grade financial operating system) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายหลักของ Real-world Asset (RWA) และ TradFi โดยเฉพาะ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ Canton Network โดดเด่นคือ
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ Canton Network เป็น Infrastructure ที่พร้อมสำหรับอนาคตของระบบการเงินโลก โดยทำหน้าที่ตัวเชื่อมต่อความน่าเชื่อถือของการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับประสิทธิภาพของบล็อกเชนได้แบบไม่มีใครเหมือนในปัจจุบัน
