Infrastructure
DeFi
October 22, 2025
เจาะลึก Canton Network: โครงสร้างพื้นฐานการเงินระดับสถาบันสำหรับ On-chain Finance & Tokenized Markets

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งใน Narrative ที่สำคัญในโลกคริปโตฯ ในรอบนี้ก็คือ Real-world Asset (RWA) หรือการนำสินทรัพย์ในโลกจริงมาแปลงให้อยู่ในรูปสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่แท้จริงของการทำ RWA ให้ประสบความสำเร็จในระดับสถาบันไม่ใช่แค่การสร้าง Token หรือการ Tokenize เท่านั้น แต่คือการสร้าง Infrastructure ที่ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างปลอดภัยภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด 

Canton Network ถูกออกแบบมาเพื่อแก้โจทย์นี้โดยตรง โดยไม่ได้เป็นแค่บล็อคเชนทั่วไป แต่เป็น “เครือข่ายของเครือข่าย” (Network of Networks) ที่เชื่อม Application ต่างๆ แบบ Seamless นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบมาเพื่อลบข้อจำกัดของการใช้บล็อคเชนแบบดั้งเดิม โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของ Privacy ให้สามารถทำธุรกรรมร่วมกันได้อย่างเป็นส่วนตัว จึงเรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับสถาบันอย่างแท้จริง

ในบทความนี้ เราจะพาไปเจาะลึก Canton Network ว่าโปรเจกต์นี้คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร พร้อมจุดเด่นที่น่าสนใจ พัฒนาการล่าสุดและอนาคตของโปรเจกต์

Background

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

Canton Network เปิดตัวในปี 2023 พัฒนาโดยบริษัท Digital Asset ผ่านความร่วมมือของกลุ่มสถาบัน (Consortium) กว่า 30 แห่ง ระดมทุนรวมกว่า 397.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยได้รับการสนับสนุนจาก VC ชั้นนำระดับ Tier 1 อาทิ Polychain Capital, YZi Labs, และ Goldman Sachs 

นอกจากนี้ Digital Asset ยังเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีและภาษา Smart Contract ที่ชื่อว่า “Daml” ภายใต้การกำกับดูแลจาก Canton Foundation ที่ดูแลทิศทางของโปรเจกต์ให้เป็นกลางและโปร่งใส พร้อมการมีส่วนร่วมจากสถาบันการเงินและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก เช่น BNP Paribas, HSBC, Goldman Sachs, Microsoft, Moody’s, HKMA และอื่น ๆ

นอกจากนี้ ความสำเร็จของ Canton Network ยังได้รับแรงขับเคลื่อนจากทีมที่มีประสบการณ์สูงในแวดวงการเงินและเทคโนโลยี ซึ่งแต่ละคนมี Backgroud ที่แข็งแกร่งจากสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Goldman Sachs และ J.P. Morgan ทำให้มั่นใจได้ว่า Canton Network ถูกร่วมสร้างขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจความต้องการของโลกการเงินระดับสถาบันอย่างแท้จริง

ขอบคุณภาพจาก Cryptodiffer

ล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2025 บริษัท Digital Asset ได้ประกาศการระดมทุนรอบใหม่เพิ่มเติมอีก 135 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมี DRW Venture Capital และ Tradeweb Markets เป็นผู้นำการระดมทุนในครั้งนี้ โดยมีการลงทุนจากสถาบันการเงินรายใหญ่และบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม TradFi และ DeFi อย่าง Citadel Securities, DTCC, Circle Ventures, Paxos และอีกมากมาย

การระดมทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเร่งการนำสินทรัพย์ในโลกจริง (RWA) มูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์เข้าสู่เครือข่าย Canton และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับกลุ่มพันธมิตรเดิมที่ร่วมกันทดสอบและพัฒนาเครือข่ายมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบัน Canton Network มีผู้เข้าร่วมในระบบนิเวศเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเกือบ 400 ราย

Canton Network คืออะไร

Canton Network โดดเด่นขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาในฐานะหนึ่งในโปรเจกต์ที่ทำเกี่ยวกับ TradFi x Crypto จุดที่ทำให้แตกต่างคือการที่ถูกออกแบบให้เปิดกว้างและ Permissionless แบบ Public Blockchain ขณะเดียวกันก็รองรับความต้องการของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในเรื่องของ Privacy, Control และ Compliance กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นการผสมผสาน Transparency ของบล็อกเชนเข้ากับกลไกควบคุมความเสี่ยงที่สถาบันคาดหวัง 

แทนที่จะเป็นแค่บล็อกเชนทั่วไป Canton ใช้แนวคิด “Network of Networks” โดยผู้เข้าร่วมแต่ละรายสามารถใช้ Private Domain ของตัวเอง ซึ่งสามารถควบคุม Application ของตัวเองได้แบบ 100% แต่จะสามารถเชื่อมต่อกับ Application อื่นๆ ได้เมื่อต้องการ

หัวใจคือสถาปัตยกรรมที่ให้ทั้ง Privacy, ความปลอดภัยระดับสถาบัน และการทำงานร่วมกันอย่างลื่นไหล รวมถึง ธุรกรรมแบบ Atomic ข้ามเครือข่าย ทำให้ Canton เรียกได้ว่าเป็น Institutional-grade Financial Operating System อย่างแท้จริง โดย Canton Network เป็น Public Blockchain ตัวแรกของโลกที่เป็น Public Blockchain ในรูปแบบดังกล่าว

ในส่วนถัดไป เราจะอธิบายเชิงลึกเกี่ยวกับ วิธีการทำงานของ Canton Network, ภาษา Daml และโมเดลข้อมูล, ตลอดจนสถาปัตยกรรมและ Infrastructure สำหรับการใช้งานระดับสถาบัน

สถาปัตยกรรม (Architecture) แบบ Network of Networks

ดังที่เกริ่นไปในช่วงต้น แทนที่จะทำงานเป็น Single Ledger แบบ Blockchain ทั่วไป (เช่น Ethereum, Solana) Canton Network ถูกออกแบบเป็น Network of Networks ซึ่งหมายถึงการเป็น Network ที่ประกอบด้วยกลุ่มผู้ใช้งานที่รัน Application ต่างๆที่เป็นอิสระต่อกัน โดย Application เหล่านี้เรียกว่า Subnet ซึ่ง Subnet จะสามารถเชื่อมต่อถึงกันผ่านโปรโตคอลของ Canton Network 

โดยการที่มี Subnet แยกเป็นอิสระต่อกัน ทำให้แต่ละ Entity ยังคงมีอำนาจควบคุมฟังก์ชันหลักต่าง ๆ โดยทำให้คงความ Privacy ไว้ได้ นอกจากนี้ ยังได้ประโยชน์จากการอัปเดตข้อมูล Real time พร้อมลดปัญหาข้อมูลแยกเป็น Silo ให้ทำงานร่วมกันได้ลื่นขึ้น

แผนภาพด้านล่างแสดงสถาปัตยกรรมของ Canton แบบ Network of Networks ที่มี Application หรือ Subnet ต่างๆ เชื่อมโยงกัน ผ่านศูนย์กลางที่เรียกว่า Global Synchroizer

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

ส่วนภาพด้านล่างเป็นการแสดงแต่ละ Layer ของ Canton Network ซึ่งประกอบด้วย Application, Subnet และ Global Synchronizer

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

1) Application Users & Nodes (ชั้นบนสุด)

  • ผู้เล่นแต่ละราย (เช่น ธนาคาร นักลงทุน Custodian ดีลเลอร์) มี Node และรัน Application ของตนเองบน Node นั้น
  • ผู้ใช้งานสามารถ Interact กับ Application ได้โดยตรง

2) Sovereign Canton Blockchains = Subnets 

  • Subnet คือบล็อกเชน/Private Domain ของแต่ละ Entity หรือ Application
  • มี Private Sync Service คอยจัดลำดับและ Sync ภายใน Domain นั้น ๆ
  • รองรับ Workflow ภายใน พร้อมความเป็นส่วนตัว/นโยบายที่กำหนดเอง

3) Global Synchronizer Composability Services

  • ชุด Tool กลางของเครือข่าย: ช่วยให้ Subnet ทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ เช่น ทำให้
    (ฟังก์ชันหลัก: Discover / Register / Distribute / Sync Service Governance)
  • Composable Contracts: ทำให้ Contract จาก Subnet ต่าง ๆ เรียกหากัน/เชื่อม Workflow ข้าม Subnet ได้
  • Canton Coin: ใช้เป็นเหรียญสำหรับจ่ายค่าใช้บริการ โอนมูลค่า และเป็น Incentive สำหรับ Ecosystem

4) Canton Network Interoperability Backbone — Global Synchronizer (ชั้นล่างสุด)

เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็น Public-permissioned Subnet ภายใต้การดำเนินงานของ Super Validators และการกำกับดูแลโดย Global Synchronizer Foundation (GSF) ทำหน้าที่เป็น Coordination Layer เพื่อ:

  • รองรับ ธุรกรรมแบบอะตอมมิก (Atomic Transactions) ระหว่าง Subnet
  • Synchronize สถานะ/ข้อมูล ให้สอดคล้องกันทั้งเครือข่าย
  • ไม่เปิดเผยข้อมูลอ่อนไหวเกินกว่าที่แต่ละ Subnet อนุญาต (Selective Visibility*)

โดยการใช้ Global Synchronizer ของ Canton Network จะเป็น Optional คือแต่ละ Subnet ยังคงสามารถเชื่อมต่อและทำธุรกรรมกันโดยตรงได้ด้วยการตั้งค่า Private Synchronizer ของตัวเองก็ได้เช่นกัน 

*Selective Visibility เกิดจากการใช้ โมเดล UTXO ที่ออกแบบเฉพาะตัวของ Canton Network ซึ่งกำหนดให้เฉพาะผู้มีส่วนร่วมในธุรกรรมนั้นเท่านั้นที่มองเห็นรายละเอียดได้ จึงรักษาความลับทางธุรกิจ/ข้อมูลอ่อนไหว ขณะยังคงความสามารถในการทำงานร่วมกันและตรวจสอบได้ตามที่จำเป็น

ภาษา Daml: หัวใจสำคัญของ Privacy

Daml คือภาษา Smart Contract ที่ออกแบบมาเพื่อ Canton Network โดยตรง จุดประสงค์คือทำให้การพัฒนา–ใช้งาน–ดูแล Application ที่มีหลายฝ่ายทำงานร่วมกันร่วมกัน (Multi-party) ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความ Privacy ของข้อมูล และความสอดคล้องของข้อมูลไว้ครบถ้วน

ความพิเศษของภาษา Daml คือการที่ช่วยให้ Developer สามารถโฟกัสไปที่ Business logic ได้โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาด้านความปลอดภัยที่มักเกิดขึ้นบนบล็อกเชนทั่วไป นอกจากนี้ ข้อมูลยังมี Privacy เป็นค่าตั้งต้น (by Default) และนโยบายการเข้าถึงสามารถกำหนดได้อย่างชัดเจนใน Code ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่รั่วไหลโดยไม่ตั้งใจ

นอกจากนี้ Daml ยังช่วยให้สามารถ ผสานรวม (Compose) Workflow ที่แตกต่างกันให้กลายเป็น Workflow ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้ แม้ว่า Workflow ต่างๆจะอยู่บน Application หรือ Subnet ที่แตกต่างกันก็ตาม ทำให้แต่ละสถาบันสามารถต่อยอดจากระบบที่มีอยู่ได้ และยังรองรับการเชื่อมต่อกับระบบภายนอกอื่นๆ ได้ ทำให้ Canton Network เป็นแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบไอทีเดิมของสถาบันการเงินได้อย่างราบรื่น

ความท้าทายของการใช้ภาษา Daml และแผนการในอนาคต

ทีมงานยอมรับว่า Daml ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะของ Canton นั้นมีความซับซ้อนกว่าภาษาทั่วไปอย่าง Solidity แต่เป็นความตั้งใจที่เลือกใช้เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและป้องกันการถูกโจมตีเหมือนที่เห็นในเครือข่ายอื่นๆ เพื่อแก้ไขข้อจำกัดนี้และขยายฐานนักพัฒนา Canton จึงมีแผนการสำคัญ ดังนี้

  • เปิดกว้างสู่ภาษาอื่นๆ: Canton มีแผนจะเปิดเครือข่ายให้รองรับภาษาโปรแกรมอื่นๆ ที่มี Developer Community ขนาดใหญ่ โดยนำมาใช้พร้อมกับมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
  • ให้รางวัลแก่ Builders: ระบบ Tokenomics ของ Canton ถูกออกแบบมาเพื่อมอบรางวัลหลักให้กับผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน (Application Builders) ไม่ใช่แค่ผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validators) ทีมงานมองว่าผู้สร้างคือผู้ที่ทำงานหนัก ในการสร้างมูลค่าที่แท้จริงให้กับเครือข่าย และควรเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์หลักจากความสำเร็จของเครือข่าย เป็นการสร้างแรงจูงใจได้อีกทางหนึ่ง

กระบวนการ Selective Visibility

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Canton Network โดดเด่น คือ Selective Visibility หรือการรองรับ Privacy ในรูปแบบของ TradFi ที่จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็นให้กับภาคส่วนที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้อง ตัวอย่างที่แสดงการทำงานของ Selective Visibility ในการทำธุรกรรม Delivery vs. Payment (DvP) หรือการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์กับเงินสด

  • ธนาคาร จะเห็นเฉพาะข้อมูลส่วนที่เกี่ยวข้องกับการโอนเงินสดเท่านั้น แต่จะไม่เห็นรายละเอียดของหลักทรัพย์ที่ถูกแลกเปลี่ยน
  • ในทางกลับกัน ผู้ดูแลทะเบียนหลักทรัพย์ (Security Registra) จะเห็นเฉพาะข้อมูลการโอนสินทรัพย์ แต่จะไม่เห็นรายละเอียดการเคลื่อนไหวของเงินสด

นอกจากนี้ Network Operator/Validator จะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมที่ละเอียดอ่อนได้ แต่จะเห็นเพียงข้อมูล Metadata ที่จำเป็นสำหรับการจัดลำดับและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมเท่านั้น

นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้สถาบันการเงินชั้นนำของโลกเลือกใช้ Canton Network เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีการกำกับดูแลในวงกว้าง

ตัวอย่าง Use Case ของ Canton Network

Canton Network ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการ Tokenize อย่างเดียว แต่ว่าสามาาถทำได้หลากหลายธุรกรรมแบบครบวงจร ในรูปแบบเดียวกับ TradFi 

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

ยกตัวอย่างกรณี การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจรบน Canton Network โดยสมมติว่าเรามี Subnet ที่ทำงานบน Canton Network อยู่ 3 ตัว ดังนี้:

  1. Application การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน (Asset Tokenization):
    • เป็น App ที่ช่วยสร้าง, โอน, และแลกเปลี่ยนโทเคนที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์จริง (RWA) เช่น หุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์
  2. Application จัดการเงินสดดิจิทัล (Cash Registry):
    • เป็น App ที่ช่วยในการแลกเปลี่ยนเงินสดในรูปแบบโทเคน เช่น Stablecoin, CBDC หรือ Bank Deposit Tokens
  3. Application สำหรับซื้อขาย (Trading Facility):
    • เช่น Exchange หรือแพลตฟอร์ม OTC (Over-the-Counter) ที่มี App สำหรับให้ผู้ตรวจสอบที่เชื่อมต่ออยู่สามารถตกลงซื้อขายสินทรัพย์กันได้

สิ่งที่ต้องการคือ ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถตกลงการซื้อขาย และทำการชำระราคาได้ในธุรกรรมเดียวแบบอะตอมมิก (Atomic) นั่นคือ การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์และเงินสด (Delivery versus Payment หรือ DvP) รวมถึงการอัปเดตบันทึกการซื้อขาย จะต้องเกิดขึ้นพร้อมกันในทันทีโดยไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ ซึ่งเป็นกลไกที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับโลกการเงิน TradFi

จากตัวอย่างนี้ ผู้ให้บริการ Application ทั้งสามราย รวมถึงผู้ซื้อและผู้ขาย (รวม 5 ฝ่าย) ต้องอัปเดตข้อมูลพร้อมกันในธุรกรรมเดียว ทำให้ Global Synchronizer เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงานให้ข้อมูลทั้งหมดได้รับการอัปเดตพร้อมกันอย่างปลอดภัย แม้ว่าแต่ละฝ่ายจะไม่ได้เชื่อมต่ออยู่บนเครือข่ายเดียวกันก็ตาม

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

ตัวอย่าง Use Case หลักที่กำลังใช้งานจริงในปัจจุบัน:

  1. การจัดการหลักประกันแบบเป็นส่วนตัว (Confidential Collateral Delivery)
    • ปัญหา: การเคลื่อนย้ายหลักประกันระหว่างสถาบันทางการเงินบนแพลตฟอร์มซื้อขาย (Exchanges) แบบดั้งเดิมมีความซับซ้อนและใช้เวลานาน อีกทั้งยังเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน
    • Canton ช่วยได้อย่างไร: Canton Network ช่วยให้การส่งมอบหลักประกัน เช่น พันธบัตรหรือสินทรัพย์อื่นๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและเป็นความลับ ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้แบบ Real-time โดยที่ข้อมูลไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
  2. การบริหารจัดการ Margin ร่วมกัน (Bilateral Margin Management)
    • ปัญหา: สถาบันการเงินจำเป็นต้องบริหารจัดการเงินประกัน (Margin) ที่วางไว้กับคู่ค้า แต่การทำแบบดั้งเดิมนั้นขาดประสิทธิภาพในการอัปเดตข้อมูลแบบ Real-time ทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปได้ยาก
    • Canton ช่วยได้อย่างไร: Canton Network ช่วยให้สามารถจัดการ Margin ร่วมกันกับคู่ค้าได้อย่างแม่นยำและเป็นความลับ ทำให้การบริหารความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้
  3. การระดมทุนแบบเรียลไทม์ (Real-time Financing)
    • ปัญหา: การทำธุรกรรมทางการเงินอย่าง Repo (Repurchase Agreement) หรือการซื้อขายพันธบัตร มักถูกจำกัดด้วยเวลาทำการและต้องรอการชำระราคาในวันทำการถัดไป
    • Canton ช่วยได้อย่างไร: Canton Network ช่วยให้การระดมทุนเป็นไปอย่างรวดเร็วและพร้อมสำหรับการชำระได้ทันที (Instant Settlement) ทำให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินที่สำคัญได้ตลอดเวลา "ทุกที่ทุกเวลา" ซึ่งเป็นการปลดล็อกสภาพคล่องที่เคยถูกจำกัดอยู่ในช่วงวันและเวลาทำการเท่านั้น

นอกจากนี้ จากการสัมภาษณ์ทีมงานของ Canton Network ทำให้เห็นภาพการใช้งานที่กว้างขวางและจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจนเพิ่มขึ้น 

  • การใช้งานที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม: เทคโนโลยีของ Canton ถูกนำไปใช้มากกว่าแค่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม เช่น การออกสินเชื่อที่อยู่อาศัย, ธุรกิจประกันชีวิต, การให้ยืมหลักทรัพย์และตราสารหนี้, ไปจนถึงการพนันกีฬาอย่างการแข่งม้า นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์ว่าในอนาคตจะมีการนำ Stablecoin เข้ามาใช้มากขึ้นเพื่อการชำระเงินแบบส่วนตัวบนเครือข่าย
  • ความแตกต่างจากแพลตฟอร์ม Zero-Knowledge (ZK): ทีมงานยังได้ชี้ให้เห็นว่าโมเดลความเป็นส่วนตัวของ Canton แตกต่างจากแพลตฟอร์มที่ใช้ Zero-Knowledge Proof โดยสิ้นเชิง เพราะ Canton ให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลต่อหน่วยงานกำกับดูแล (Regulators) เพื่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบ KYC และ AML ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสถาบันการเงิน โมเดลของ Canton จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องรู้เท่านั้น เช่น ผู้ออก Stablecoin, ผู้ส่ง และผู้รับ สามารถดูรายละเอียดธุรกรรมได้ ในขณะที่เทคโนโลยี Zero-Knowledge มักจะซ่อนข้อมูลทั้งหมด ซึ่งไม่ตอบโจทย์ความต้องการของโลกการเงินดั้งเดิมได้อย่างสมบูรณ์

กลไกการตรวจสอบธุรกรรมด้วย Proof of Stakeholder

Canton Network ใช้กลไก Proof-of-Stakeholder (PoS) ซึ่งมีความพิเศษคือช่วยให้มั่นใจว่าโครงสร้าง Governance ขอ Network จะไม่ถูกควบคุมโดยกลุ่มผู้ที่มีเงินทุนมหาศาล 

แตกต่างจากบล็อกเชนแบบ Proof-of-Stake (PoS) ทั่วไปที่ผู้ที่ถือเงินจำนวนมากเป็นผู้ควบคุม Consensus ของ Network เพราะ Canton Network ให้โอกาสผู้เข้าร่วมทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ผู้ตรวจสอบธุรกรรม (Validators) จะทำหน้าที่ตรวจสอบเฉพาะธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับตัวเองเท่านั้น

ด้วยหลักการนี้ ทำให้สถาบันต่างๆ สามารถรักษาการควบคุมการดำเนินงานของตัวเองได้ และมั่นใจได้ว่าธุรกรรมต่างๆ จะไม่ถูกควบคุมโดยกลุ่ม Staker ที่ไม่รู้จัก

หลักการนี้ทำให้สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก ตั้งแต่ Goldman Sachs, DTCC, SocGen, และ Citadel ไปจนถึงหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง HKFMI, MAS และบริษัทคริปโตฯ อย่าง QCP กล้าที่จะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย Canton

มาตรฐานที่สอดคล้องกับกฎระเบียบระดับโลก

อีกสิ่งที่ทำให้ Canton Network แตกต่างจากโครงสร้างพื้นฐาน RWA อื่น ๆ คือการออกแบบที่คำนึงถึงข้อกำหนดด้านกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้แทบจะเป็นแพลตฟอร์ม RWA เพียงตัวเดียวที่สามารถทำงานร่วมกับกรอบกฎหมายของทั้ง SEC (สหรัฐฯ), EU และเอเชียได้ ด้วย ความปลอดภัยระดับสถาบัน และการออกแบบที่สนับสนุน Cross-border efficiency อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นไปอย่างราบรื่น

การที่ Canton สามารถดำเนินงานภายใต้เส้นทางกฎหมายที่ชัดเจนนี้ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่มาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางการนำบล็อกเชนมาใช้ในโลก TradFi

สถิติและข้อมูลการใช้งานที่น่าสนใจ

Canton Network เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้จริงแล้วในโลกการเงินระดับสถาบัน โดยในแง่ของกิจกรรมการใช้งานและปริมาณค่าธรรมเนียมที่ถูกเผา (Fees burned) มีระดับใกล้เคียงกับกลุ่ม Top 5 Blockchain โดย Canton ยังเป็นบล็อกเชนแรกที่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินในช่วงสุดสัปดาห์ได้ โดยสามารถแลกเปลี่ยนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็น Stablecoin ได้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาด

ขอบคุณภาพจาก Canton Network และ DeFillama

นอกจากนี้ Canton Network ยังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพในโลกจริง โดยมีสินทรัพย์ในรูปแบบ RWA ถูกนำมาทำธุรกรรมบนเครือข่ายแล้วกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการออกสินทรัพย์บนบล็อกเชนโดยตรง (Natively on-chain) ที่เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย ตั้งแต่พันธบัตร กองทุนรวมตลาดเงิน อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัย และปัจจุบันเครือข่ายยังประมวลผลธุรกรรม RWA ที่มีมูลค่ามากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และยังมีปริมาณธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasury repo) สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สะท้อนถึงการใช้งานจริงในปริมาณมหาศาล

Ecosystem

ดังที่อธิบายไปในข้างต้นเกี่ยวกับจุดแข็งที่สำคัญของ Canton Network คือ Feature ชื่อว่า “Global Synchronizer” ที่ช่วยให้สามารถทำธุรกรรมข้าม Network ได้อย่างอิสระ ในขณะที่ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเอาไว้ ทำให้ระบบนี้เป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนสถาบันและธนาคารอย่างมาก 

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

ชื่อของสถาบันการเงินรายใหญ่ที่เข้าร่วมกับ Canton แล้วได้แก่:

  • HSBC
  • BNP Paribas
  • Goldman Sachs
  • Moody’s

สำหรับ Ecosystem นั้นจะแบ่งผู้มีส่วนร่วมได้ 3 กลุ่มเป็นหลักคือ

  1. Infrastructure Provider (Super Validators): จัดการเรื่องความปลอดภัยของระบบ 
  2. Application Builders: ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหรือ dApps ต่างๆ 
  3. Users (Validators): เป็นผู้ใช้งาน Application และมีส่วนร่วมกับระบบ

รายชื่อของ Apps และ Partners ทั้งหมดบน Canton สามารถดูได้ผ่านลิงก์นี้ โดยมีชื่อเด่นๆ ที่เราคุ้นเคยมากมาย อาทิ Circle, 21Shares, Galaxy และ J.P.Morgan เป็นต้น

ขอบคุณภาพจาก TheTie

การขยาย Ecosystem ในอนาคต

จากการให้สัมภาษณ์ของทีมงาน นอกจากรายชื่อ Partnet ที่กล่าวไปข้างต้น แล้ว ยังมีรายชื่อ Waiting list ของผู้ที่จะเข้ามาเป็น Validators อีกกว่า 1,000 ราย ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่สถาบันขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้เล่นในวงการ DeFi และคริปโตฯ

กลยุทธ์หลักในการขยาย Ecosystem คือการนำสินทรัพย์ระดับสถาบัน เช่น หุ้นสหรัฐฯ และพันธบัตรรัฐบาล (U.S. Treasuries) มาไว้บนบล็อกเชน ด้วยการนำ Real-world Assets เหล่านี้มาแปลงเป็น Token ซึ่งเป็นแผนการที่ Canton สร้างจุดตั้งต้นจำนวนมหาศาลให้กับ Developer เพื่อสร้าง Application ใหม่ๆ เช่น DEX หรือระบบจัดการโครงสร้างผู้ถือหุ้น (Cap table management) บน Canton Network 

แนวทางนี้ไม่เพียงแต่ดึงดูดสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริษัทคริปโตฯ ที่ต้องการสินทรัพย์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพื่อนำไปต่อยอดและสร้างนวัตกรรมต่อไปอีกด้วย

Tokenomics

Canton Network มีเหรียญ Governance คือ Canton Coin โดยจุดเด่นอย่างหนึ่งของเหรียญนี้คือการที่ไม่ได้มีการ Pre-Mint ให้กับ Foundation, VCs หรือ Presale ต่างๆ แต่ทุกเหรียญที่มีนั้น ได้มาจากการมีส่วนร่วมกับระบบทั้งหมด โดยนี่เป็นแก่นของ Fair Launch Model ที่ เป็นกลางต่อสถาบันและนักลงทุนสถาบัน ซึ่ง Canton เชื่อว่าจะสร้างมูลค่าให้กับระบบได้อย่างยั่งยืน

หน้าที่ของ Canton Coin ได้แก่

  • Fee Payment: ใช้สำหรับชำระค่าธรรมเนียมการใช้ Global Synchronizer
  • Network Incentive: เป็น Incentive ให้กับคนที่มีส่วนร่วมกับระบบทั้ง App Provider และ User
  • Application Payment (Optional): เจ้าของ Application สามารถเลือกเก็บค่าธรรมเนียมการบริการเป็น Canton Coin ได้
  • Transparency: จากการที่ Canton Coin ไม่ได้มี Allocation พิเศษ แต่ได้จากการ Earn ทั้งหมดทำให้มีความโปร่งใส และการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ สามารถทำได้อย่างง่ายดาย

โดยในช่วง 10 ปีแรกนั้นจะมี Canton Coin ถูก Mint ออกมาทั้งหมด 100,000,000,000 (1 แสนล้าน) เหรียญ และหลังจากนั้นระบบจะมีการจัดการตัวเองอย่างอัตโนมัติผ่านการ Mint & Burn ซึ่งเฉลี่ยแล้วจะมีประมาณ 2.5 พันล้านเหรียญ Canton ที่ถูกสร้างขึ้นมาและทำลายไปในทุกๆ ปี

Mint: Canton Coin จะสร้างขึ้นและแจกให้กับผู้มีส่วนร่วมกับระบบโดยมีสัดส่วนคือ Infra Provider 35% Application Builder 50% และ Users 15%

โดยเมื่อ Network เติบโตเต็มที่ สัดส่วนของ Reward จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยรางวัลสำหรับ Infra Provider จะค่อยๆ ลดลง และจะเปลี่ยนไปเน้นที่ Application Builder มากขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสรรค์และการใช้งานใหม่ๆ บนเครือข่าย

Burn: ค่าธรรมเนียม Network ที่เก็บมาจะถูกนำไป Burn ทิ้งเพื่อช่วยรักษามูลค่าของเหรียญ Canton ทั้งนี้หากมีการใช้งาน Network มากก็จะมีเหรียญถูก Burn เยอะตามไปด้วย โดยจากข้อมูล ณ วันที่ 20 กรกฏาคม 2025 ด มีการ Burn เหรียญ Canton Coin ไปแล้วกว่า 517 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นจำนวนที่สะท้อนให้เห็นถึงการใช้งานจริงที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ขอบคุณภาพจาก Canton Network

Canton Coin ปัจจุบันมี Circulating Supply อยู่ที่ประมาณ 28,480 ล้านเหรียญ โดยในปัจจุบันมีการออกเหรียญใหม่ประมาณ 51.5 ล้านเหรียญต่อวัน คิดเป็นอัตราเงินเฟ้อรายวันประมาณ 0.16%

Roadmap และพัฒนาการที่น่าสนใจ

ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา Canton Network ได้ตอกย้ำสถานะในฐานะผู้เล่นแถวหน้าของวงการ TradFi x Crypto ด้วยการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นความจริงอย่างต่อเนื่อง Roadmap ของ Canton ไม่ได้เป็นเพียงแผนงานที่วางไว้ล่วงหน้า แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นในทุกไตรมาส

Timeline ที่ผ่านมา:

  • กุมภาพันธ์ 2025: เปิดตัว Phase 1 ของโครงการ Tokenized Collateral Mobility
  • เมษายน 2025: Tradeweb นำ Global Synchronizer บน Canton Network มาใช้สำหรับ Atomic Cross-Domain Settlements ในตราสารหนี้และอนุพันธ์
  • มิถุนายน 2025: ระดมทุนได้ 135 ล้านดอลลาร์ นำโดย DRW Venture Capital และ Tradeweb Markets เพื่อเร่งการนำสินทรัพย์บนโลกจริงมาใช้บน Canton Networkg
  • กรกฎาคม 2025: ประกาศอัปเกรด 3.3  และ Splice 0.4.0 รองรับเครื่องมือและ API สำหรับนักพัฒนา และมาตรฐานโทเค็นแบบใหม่ รวมไปถึงมีการเปิดตัว Tokenomics
  • กรกฎาคม 2025: Broadridge เปิดให้บริการ Distributed Ledger Repo (DLR) บน Canton Network

สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ Canton Network ยังมี Roadmap ที่ชัดเจนเพื่อขยายขอบเขตการใช้งานให้กว้างขึ้นไปอีก

ในระยะสั้น (ไตรมาสที่ 4 ของปี 2025):

  • Canton Network จะเริ่ม Phase ที่ 2 สำหรับการทดสอบ Tokenized Collateral Mobility กับ Euroclear โดยจะเป็นการทดสอบ การยืมและการคืนหลักประกันแบบอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง 
  • มีแผนเปิดใช้งาน Global Synchronizier API v.1.0 และ Developer SDK 3.4 สำหรับนักพัฒนา

ส่วนในระยะยาว (ตั้งแต่ต้นปี 2026):

  • จะมีการเปิดตัว Asset Token Factory สำหรับให้สถาบันสามารถสร้างตราสารหนี้, สินทรัพย์สำรอง และกองทุนตลาดเงินบนเครือข่าย Canton Network ได้ในคลิ๊กเดียว 
  • เปิด Cross-Chain Bridge ให้ผู้ใช้สามารถโอนสินทรัพย์จาก Ethereum มายัง Conton’s Private Subnets ได้
  • เปิดตัว Mobile Wallet และ Explorer v1.0
  • Permissioned AMM, Yield Farming และ Automated Collateralized Lending ที่ถูกกฏหมายและได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล
  • เพิ่ม ZK-SNARK ใน Sync Domain เพื่อความเป็นส่วนตัวของธุรกรรม
  • โอนการบริหารจัดการ Global Synchronizer (GS) ให้ไปอยู่ภายใต้ Linux Foundation อย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของทีมงานยังมีเผยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ ทาง Canton กำลังดำเนินการเพื่อนำ Canton Coin ไปลิสต์บน CEX ชื่อดัง พร้อมกันนี้ยังทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อเปิดเผยปริมาณธุรกิจจริงที่รันอยู่บนเครือข่าย ซึ่งทีมงานเชื่อว่าการทำเช่นนี้จะช่วยยกระดับมาตรฐานคำว่า "Scaling” ในวงการ RWA นอกจากนี้ Canton ยังเพิ่งประกาศว่าพร้อมรองรับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasuries) และหวังว่าจะนำสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ มาไว้บนเครือข่ายมากขึ้นในอนาคต

Canton Network - โอกาสการเติบโตของ Retail

อย่างที่เราเห็นกันว่า Canton Network กำลังถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายในหมู่สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก คำถามคือ แล้วเครือข่ายนี้จะกลายเป็นโอกาสการเติบโตของนักลงทุนรายย่อย (Retail) ได้อย่างไร?

Canton ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแห่งอนาคต

Canton Network ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินระดับโลกในอนาคต ถ้าเครือข่ายนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก (เช่น Goldman Sachs, HSBC) ก็จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการ และเมื่อถึงจุดนั้น ธุรกิจค้าปลีกในเอเชียและทั่วโลกที่ต้องทำธุรกรรมระหว่างประเทศหรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ ก็จะได้รับประโยชน์จากระบบนี้ด้วย

มูลค่าของ Canton Coin ที่มาจากผู้ใช้งานจริง

มูลค่าของ Canton Coin นั้นไม่ได้มาจากการเก็งกำไรในตลาด แต่มาจาก Real Demand ของสถาบันการเงินที่เข้ามาทำธุรกรรมบนเครือข่าย

  • ขับเคลื่อนด้วยสถาบัน: มูลค่าของ Canton Coin สร้างขึ้นจากจำนวนธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง เมื่อสถาบันการเงินใช้งานเครือข่ายมากขึ้น ความต้องการเหรียญก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
  • โมเดลที่ยั่งยืน: Canton ไม่มีกลไกแบบ Ponzi ที่เน้นการ Airdrop หรือการขายฝันเพื่อดึงดูดนักเก็งกำไรในระยะสั้น แต่ใช้โมเดล "Mint-and-Burn" ที่เชื่อมโยงอุปทานของ Canton Coin เข้ากับการใช้งานบนเครือข่ายโดยตรง ทำให้มูลค่าของเหรียญมีความมั่นคงและยั่งยืนกว่า

โอกาสที่กำลังจะมาถึงสำหรับนักลงทุนรายย่อย

แม้ในปัจจุบัน Canton Network จะถูกจำกัดการเข้าถึงไว้สำหรับสถาบันการเงินเท่านั้น แต่ในอนาคตอาจมีการลิสต์เหรียญ Canton Coin บน Centralized Exchange และ Decentralized Exchange ต่างๆ ซึ่งจะเป็นการเปิดประตูให้นักลงทุนรายย่อยได้เข้าถึงเครือข่ายที่ขับเคลื่อนโดยสถาบันทางการเงินระดับโลก การเปิดตัวในลักษณะนี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากเครือข่ายมีรากฐานที่มั่นคงและได้รับการยอมรับจากสถาบันชั้นนำแล้ว

นอกจากนี้ การเข้าร่วมใน Canton Ecosystem ทำให้ผู้ใช้รายย่อยสามารถฟาร์ม เหรียญ $CC ได้

วิสัยทัศน์ระยะยาวของ Canton คือการเปลี่ยนผ่านสู่การเงินแบบประชาธิปไตย (Democratize finance) ด้วยการนำเสนอสินทรัพย์คุณภาพสูงระดับสถาบันให้กับนักลงทุนรายย่อย ทำให้พวกเขาสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น หุ้น Apple ในรูปแบบ Token แทนที่จะถูกจำกัดอยู่แค่ในสินทรัพย์คริปโตฯ ที่มีความผันผวนสูง

นอกจากนี้ ความเป็นส่วนตัวยังเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจะช่วยให้บุคคลทั่วไปสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างเป็นส่วนตัว โดยที่ข้อมูลละเอียดอ่อนจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

เปรียบเทียบ Canton Network และ RWA อื่นๆ

โปรเจกต์ RWA ส่วนใหญ่ในตลาด เช่น Centrifuge, Ondo Finance หรือ MANTRA Chain มักจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเน้นการเชื่อมต่อสินทรัพย์ในโลกจริงเข้ากับโลก DeFi (Decentralized Finance) โดยมีเป้าหมายหลักคือการเพิ่มสภาพคล่องและเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงสินทรัพย์เหล่านี้ได้

ในทางกลับกัน Canton Network วางตัวเองเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเงินระดับสถาบันโดยเฉพาะ ซึ่งมีหลักการและจุดเด่นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

โมเดลทางธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย

  • Canton Network: มุ่งเป้าไปที่ B2B (Business-to-Business) โดยให้บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ธนาคาร และบริษัททางการเงิน เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมระหว่างกันได้อย่างปลอดภัยและเป็นไปตามกฎระเบียบ\
  • RWA Chains ทั่วไป (เช่น Centrifuge, Ondo): มักจะเน้นที่ B2C (Business-to-Consumer) หรือ B2D (Business-to-DeFi) โดยมีเป้าหมายหลักคือการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเคนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด DeFi และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้

การออกแบบ Architecture และ Privacy

  • Canton Network: ใช้สถาปัตยกรรม Network of Networks ที่ให้ความเป็นส่วนตัวในระดับสูง (Confidentiality by design) ข้อมูลธุรกรรมจะถูกเปิดเผยเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น (Selective Visibility) และผู้ดูแลระบบจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้ ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการด้านความลับของสถาบันได้
  • RWA Chains ทั่วไป: มักจะสร้างบน Public Blockchain อย่างเช่น Ethereum, Solana ซึ่งธุรกรรมส่วนใหญ่จะถูกบันทึกแบบเปิดเผยต่อสาธารณะ (Transparent) ทำให้ขาดความเป็นส่วนตัวที่จำเป็นสำหรับธุรกรรมทางการเงินในระดับสถาบัน

กลไกการทำงาน

  • Canton Network: ใช้ภาษา Smart Contract ที่ชื่อว่า Daml ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อทำธุรกรรมที่มีหลายฝ่ายเกี่ยวข้องโดยเฉพาะ และใช้กลไก Proof-of-Stakeholder ที่ให้ผู้ยืนยันธุรกรรมตรวจสอบเฉพาะธุรกรรมที่ตัวเองเกี่ยวข้องเท่านั้น
  • RWA Chains ทั่วไป: ส่วนใหญ่จะใช้ EVM-compatible Smart Contracts และกลไก Proof-of-Stake แบบทั่วไป ซึ่งมีข้อจำกัดด้านความเป็นส่วนตัวและการทำงานร่วมกันระหว่างหลายฝ่าย

Native Issuance vs Tokenization

  • RWA ทั่วไป: มักเน้นการ Tokenize สินทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว โดยทำหน้าที่เป็นเพียงแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงสินทรัพย์เหล่านั้นเข้ากับโลก DeFi เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
  • Canton Network: ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้สถาบันการเงินสามารถออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินและสินทรัพย์ต่างๆ โดยตรงบนเครือข่าย (Natively On-chain) ตั้งแต่แรกเริ่ม หมายความว่า
    • ธนาคาร/สถาบันคือ Issuer โดยตรง
    • สินทรัพย์ที่ถูกสร้างขึ้นมีสถานะเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ถูกกฎหมายและได้รับการยอมรับตั้งแต่ต้น

ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้งานและสถาบันต่างๆ จึงเป็นเจ้าของสินทรัพย์จริงบนเครือข่ายอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่ผู้ถือ Asset ที่ถูก Tokenize มา

ความเสี่ยงของ Canton Network

การเป็นผู้นำในตลาดใหม่ย่อมมาพร้อมกับความท้าทาย ซึ่ง Canton Network ได้วางกลไกเพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ไว้ค่อนข้างรัดกุม แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรตระหนักเอาไว้ เช่น:

  • ความซับซ้อนของ Architecture: แม้โครงสร้างแบบ Network of Networks ที่มีหลาย Layer จะซับซ้อน แต่ความซับซ้อนนี้เองที่ช่วยให้เครือข่ายสามารถมอบความเป็นส่วนตัวและอำนาจควบคุมในระดับสูงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสถาบันการเงิน
  • การพึ่งพา Global Synchronizer: Canton Network มีการออกแบบให้ Global Synchronizer เป็นบริการแบบกระจายศูนย์ที่บริหารโดยกลุ่มองค์กร ทำให้ไม่ใช่ Single Point of Failure และผู้ใช้งานยังมีทางเลือกที่จะใช้ Private Synchronizer สำหรับธุรกรรมภายในได้

ความท้าทายในการ Scaling: การทำงานระหว่าง Subnet จำนวนมากเพื่อรักษาความถูกต้องของธุรกรรมเป็นโจทย์ที่ท้าทาย แต่ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ Canton สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่ซับซ้อนในระดับสถาบันได้

ความท้าทายด้านอื่น ๆ

  • การแข่งขันในตลาด: ตลาดบล็อกเชนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว Canton Network จึงต้องมุ่งเน้นที่การสร้างข้อได้เปรียบที่ยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือกับสถาบันการเงินขนาดใหญ่เพื่อสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ทีมงานมองว่าในปัจจุบัน Canton ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงที่สามารถนำสร้าง Public Blockchain ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่สอดคล้องกับกฎระเบียบได้เหมือนกับที่ Canton ทำ ดังนั้น ทีมจึงมองว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่บล็อกเชนอื่น แต่คือ "Status Quo" ซึ่งก็คือความท้าทายในการโน้มน้าวผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินดั้งเดิมให้ยอมเปลี่ยนการดำเนินงานแบบเดิมๆ
  • ภาษาเฉพาะตัว (Daml): การใช้ภาษา Daml ทำให้เครือข่ายมีความปลอดภัยสูงกว่าบล็อกเชนทั่วไป แม้อาจจะทำให้จำนวนนักพัฒนามีจำกัด แต่ก็เป็นสิ่งที่ Canton ยอมรับเพื่อแลกกับการสร้างแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือในระยะยาว
  • Privacy vs Transparency: Canton Network มุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลระหว่างความเป็นส่วนตัวที่สถาบันต้องการ กับความโปร่งใสที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบตามกฎระเบียบ ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญที่โปรเจกต์อื่นๆ ยังไม่สามารถทำได้

บทบาทของ Canton Network ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า

ทีมงานมองว่าในอีก 5-10 ปีข้างหน้า Canton Network จะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและโลกการเงิน DeFi สมบูรณ์แบบ บทบาทสำคัญคือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานให้สถาบันการเงินขนาดใหญ่สามารถนำเสนอสินทรัพย์คุณภาพสูงในโลกจริง (Real-world Assets) ให้กับนักลงทุนรายย่อยทั่วโลกได้

วิสัยทัศน์ระยะยาวคือการสร้าง Ecosystem เดียวที่ทั้งผู้ใช้งานระดับสถาบันและนักลงทุนรายย่อยสามารถอยู่ร่วมกันได้ และได้รับประโยชน์จากความปลอดภัย, ประสิทธิภาพ และความเป็นส่วนตัวที่ Canton มอบให้ได้อย่างเต็มที่

สรุป Canton Network

โดยสรุป Canton Network ได้วางตำแหน่งตัวเองเป็นระบบปฏิบัติการทางการเงินระดับสถาบัน (Institutional-grade financial operating system) ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายหลักของ Real-world Asset (RWA) และ TradFi โดยเฉพาะ

หัวใจสำคัญที่ทำให้ Canton Network โดดเด่นคือ

  • สถาปัตยกรรมเฉพาะตัว: การใช้แนวคิด Network of Networks ช่วยให้แต่ละสถาบันมี Private Domain ของตนเองเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ในขณะที่ Global Synchronizer ทำหน้าที่เชื่อมต่อและประสานงาน Atomic Transaction ข้ามเครือข่ายได้
  • การออกแบบเพื่อการใช้งานจริง: ด้วยการมีพันธมิตรจากสถาบันการเงินชั้นนำกว่า 400 ราย และการใช้ภาษา Daml ที่ฝังความปลอดภัยและกฎระเบียบไว้ตั้งแต่ระดับ Code ทำให้เครือข่ายสามารถรองรับการทำธุรกรรมที่มีความซับซ้อนในปริมาณมหาศาลได้
  • การเติบโตที่พิสูจน์ได้: ความสำเร็จในการระดมทุนและการเปิดตัวบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Canton Network มีปริมาณสินทรัพย์ RWA บนเครือข่ายกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีปริมาณธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (U.S. Treasury repo) สูงถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน และยังประมวลผลธุรกรรม RWA ที่มีมูลค่ามากกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
  • พร้อมรับมือกับ Regulation/Compliance: Canton Network มีจุดแข็งในการเป็นแพลตฟอร์ม RWA ที่สอดคล้องกับกรอบกฎหมายสำคัญระดับโลก ทำให้สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากสถาบันการเงินเข้าสู่เครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ Canton Network เป็น Infrastructure ที่พร้อมสำหรับอนาคตของระบบการเงินโลก โดยทำหน้าที่ตัวเชื่อมต่อความน่าเชื่อถือของการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับประสิทธิภาพของบล็อกเชนได้แบบไม่มีใครเหมือนในปัจจุบัน

ดาวน์โหลด
DOWNLOAD FOR FREE!
Research Team

Research ที่เกี่ยวข้อง

Infrastructure
MegaETH: Layer 2 Endgame ที่ Vitalik ไว้วางใจ
Pongporn W.
October 2, 2025
Infrastructure
Countdown to Mainnet: เจาะลึก Monad ในช่วงโค้งสุดท้าย
Kuljira I.
September 22, 2025
Infrastructure
Katana Network Deep Dive Research : Deep Liquidity / Yield Centric Layer 2
Pongporn W.
August 28, 2025